วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555

ของเขาดีจริง ๆ



อยากแนะนำคน ๆ หนึ่งให้ทุกคนได้รู้จักกับ Beak Ayeon สาวน้อยที่ถ่ายทอดอารมณ์เพลงได้ดีมาก ๆ





ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกก้ตกหลุมรักกับเด็กคนนี้ทันที่ เธอไม้ได้โชว์พลังเสียงที่เยี่ยมยอดกว่าคนอื่น แต่เธอสามรถทำให้คนอื่นรู้สึกถึงสิ่งที่เธอต้องการที่จะถ่ายทอดได้







นี่เป็นอีกเพลงหนึ่งที่จะให้คุณรู้ว่าความรู้สึกกับเพลงมันเป็นอย่างไร















ติดตามและเป็นกำลังใจให้กับเธอได้ในรายการ K POP star ปัจจุบันเธอเป็นหนึ่งในสิบผู้ผ่านเข้ารอบ และเป็นเด็กที่ท่านประธานยางค่อนข้างให้ความสนใจอย่างมากเลยทีเดียว













อุทยานการศึกษา " สุขบท" วัดเขาบางทรายอุทยานการศึกษา " สุขบท"

        โรงเรียนชลบุรี "สุขบท" ในปัจจุบัน ตั้งอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นแหล่งวิทยาการซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถานโบราณวัตถุศิลปะวัตถุ ล้วนมีค่าควรแก่ศึกษาด้านประวัติศาสตร์  และโบราณคดีเป็นอย่างยิ่ง ทางโรงเรียนจึงได้จัดทำโครงการอุทยานการศึกษาขึ้นเพื่อเป็นการให้ความรู้แก่นักเรียนนอกห้องเรียน โดยนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตลอดเวลา นอกจากนี้เป็นการเผยแผ่ความรู้สู่ชุมชน และผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี ทำให้อาจารย์ นักเรียนตระหนักในคุณค่า ของโบราณสถาน โบราณวัตถุที่อยู่ใกล้ตัว





       แน่นอนว่าถ้าพูดถึงโรงเรียนชลบุรี"สุขบท" เด็กทุกคนจะต้องพูดถึงบรรไดแก้ว เริ่มตั้งแต่ทางขึ้นเขาพระบาท หรือเขาสุพรรณิการ์ด้านทิศเหนือ มี ประมาณ 300 ขั้น สุดทางบันไดแก้วที่มณฑป ปัจจุบันมีทั้ง 3 ชั้น เด็กที่เขาเรียนที่นี่ทุกคนต้องได้ขึ้นบันไดแก้ว มีตำนานว่ากันว่าถ้าหากใครไม่ได้ขึ้นบันได้แก้วจะเรียนไม่จบ แต่ก็ไม่รู้ว่าตำนานนี้เป็นจริงไหมเพราะเด็กส่วนมากที่เดินขึ้นก็จะเป็นพวกที่โดดเรียนแอบขึ้นมาถ้าใครได้ลองเดินจะรู้ว่ามันเหนื่อยมาก ยิ่งเรียนที่นี่นานเท่าไรความเหนื่อยเวลาเดินบันได้แก้วก็จะมากขึ้นด้วย


เรือนพักอุบาสิกา และมีศาลาโรงทาน ที่จริงบริเวณนี่จะเป็นที่อยู่ของพวกแม่ชี ส่วนพระจะอยู่ฝังวัดด้านล่าง



         เมื่อเดินขึ้นมาเรื่อยก็จะเจอจุดพัก จริง ๆ พอเดินมาถึงตรงนี้ก็ริ่มเหนื่อยกันแล้ว ที่นี่เรียกว่าศาลาเก้าห้อง  เชื่อกันว่าคนมีบุญเท่านั้นที่จะนับได้เก้าห้อง ทุกครั้งที่ขึ้นมาก็จะทำเป็นว่านับได้เก้าห้องกันทุกคน จริง ๆ ที่นี่เหมาะสำหรับมาแอบนอนอย่างยิ่ง ลมเย็นมองลงไปฝั่งตรงข้ามจะเห็นค่ายทหารและถนนที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ





หอระฆัง


        เป็นสถาปัตยกรรมศิลปะแบบจีน ลักษณะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ก่ออิฐถือปูน ทำเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างทำเป็นระเบียงล้อมรอบบันไดทางขึ้น ไปยังชั้นที่ 2 ซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวหอที่แขวนระฆัง ที่ระเบียงชั้นล่าง และบนของหอระฆังกรุด้วยกระเบื้องปรุลวดลายแบบจีนทั้งหมด ตามคตินิยมของสถาปัตยกรรมไทยแบบพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ 3 เดิมใช้สำหรับตีให้สัญญาณเรียกประชุมทำวัตรสวดมนต์ ปัจจุบันใช้ตี ในเทศกาลงานบุญ บนเขาสุพรรณิการ์ เพื่อบอกความดีให้สวรรค์รับรู้




พระโภคีไสยา 

        พระพุทธรูปนอนที่สร้างขึ้นแปลกกว่าพระนอนทั่วไป คือนอนตะแคงซ้ายแบบผู้ครองเรือนแบบโภคีไสยา สันนิษฐานว่า การสร้างแบบนี้เป็นการแสดงภูมิปัญญาท้องถิ่น ต้องการอธิบายอะไรสักอย่างหนึ่งซึ่งยังค้นไม่พบ และในสุดท้ายเราก็มาถึงสักที




จุดชมวิว

        เวลาที่มายื่นจุดนี่จะรู้สึกถึงความสำเร็จและความถุมิใจที่เกิดมาเป็นเด็กสุขบท ที่เป็นภาพจังหวัดชลบุรี ทางขวาที่มองไม่เห็นจะเป็นทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา มันเป็นอะไรที่สวยงานมากจริง ๆ 



รอยพระพุทธบาท

        ประดิษฐานภายใต้มณฑปมี 2 องค์ องค์แรกเป็นรอยพระพุทธบาทแบบลังกานิยม เป็นรอย ทรงเหยียบ ขนาดกว้าง 45 ซ.ม. ยาว 90 ซ.ม. อีกองค์หนึ่งค้นพบใต้ฐานมณฑปในคราวซ่อมแซม มณฑปเมื่อปี พ.ศ. 2502 มีขนาดกว้าง 60 ซ.ม. ยาว 120 ซ.ม. เป็นหินเปลือกหอยหรือหินตุ๊กต่ำ 

ลักษณะเป็นแบบอมราวดีนิยม





เจดีย์ตัน
        เป็นเจดีย์ที่สร้างคู่กับเจดีย์โพรง อยู่ถัดไปจากมณฑป สร้างในสมัยอยุธยาอิฐที่ก่อมีขนาดใหญ่มากแผ่นหนึ่งยาว 13 นิ้ว กว้าง 7 นิ้ว หนา 2 นิ้วองค์เดิมชำรุดมากได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ ในปี พ.ศ. 2526 ทำไม่เห็นอิฐของเดิมเจดีย์โพรง เจดีย์คู่กับ เจดีย์ตัน มีโพรงสามารถเดินเข้าไปในองค์เจดีย์ได้ ภายในโพรง มีรอยพระพุทธบาทอยู่ องค์เจดีย์ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ เช่นเดียวกับเจดีย์ตันมองขึ้นไปบอกได้คำเดียวกว่าไกลมาก แต่วิวจะสวยมาก ทางเดินจะเล็กและค่อนข้างที่จะมีหญ้าปรกคลุม แต่สมัยเรียนขึ้นไปบ่อยมากเพราะอยู่ชมรมสิ่งแวดล้อม และอยู่จุดการศึกษาที่ 5 ปรง ทุกครั้งที่มีการศึกษาต้องขึ้นไป เหนื่อยมาก หญ้าสูงสองเมตรได้ แต่ข้างบนลมเย็นสุดยอด

        จริง ๆ แล้ว มันมีทางขึ้นทั้งหมด สาม ทาง อีกสองทางนั้นจะเป็นการเดินขึ้นมาทางภูเขา ไม่มีบันไดค่อนข้างลำบากและอันตราย แต่เด็ก ๆ ก็ชอบทางนั้นเพราะมันสนุกและลุ้นระทึกดี
ขึ้นบนจนเหนื่อยลงมาเดินข้างล่างบ้างดีกว่า



สระน้ำศักดิ์สิทธิ์

ตั้งอยู่ในบริเวณวัด ข้างศาลาดินใกล้ ๆ โบสถ์ เดิมผนังขอบสระเป็นคอนกรีตขนาดประมาณ 20 X 30 เมตร เป็นแหล่งรวมน้ำในสมัย โบราณไหลมาจากใต้ดินเขาพระบาท ผ่านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มารวมอยู่ในสระ น้ำในสระนี้เคยใช้ในพิธีถือน้ำ พระพิพัฒน์สัตยาในสมัยรัชกาลที่ 5 และในคราวประกอบ พระราชพิธีอภิเษกมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระชนมายุครบ 60 พรรษา







พระอุโบสถวัดเขาบางทราย
มีจิตรกรรมฝาผนังลายเทพพนมและลายดอกไม้จีน เป็นศิลปะที่งดงาม มีระเบียงรายรอบ เคยใช้ เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการ ในจังหวัดชลบุรีสมัยรัชกาลที่ 5 ใบเสมาหน้าพระอุโบสถ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์นำมาจากวัดในจังหวัดสุโขทัย


อาคารที่พำนักของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
ผู้เป็นองค์ผู้สถาปนาโรงเรียนชลบุรี " สุขบท"และพัฒนาวัดเขาบางทราย ซึ่งศิษยานุศิษย์ ร่วมกันสร้างถวาย เมื่อปีพ.ศ. ๒๔๗๖ เพื่อเป็นที่พำนักชั่วคราวขณะจำพรรษาที่วัดเขาบางทราย ลักษณะเป็นอาคาร ๒ ชั้น ด้านหลังอาคารมีกระดิ่งแขวนอยู่ ขณะที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่นี่จะอยู่ลำพังเพียงรูปเดียว

พระพุทธโสภณ


         พระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทอง ประทับนั่งปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๗๗ นิ้ว ได้รับการยกย่องว่า เป็นพระพุทธรูปที่มีคุณค่าทางพุทธศิลป์งามที่สุด ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีรัตนชาติล้ำค่าประดับอยู่คู่องค์พระปฏิมา พระพักตร์ของพระพุทธรูปมีรอยยิ้ม นับเป็นฝีมือช่างศิลป์ชั้นสูง



นาฬิกาแดด 
นาฬิกาโบราณ ทำด้วยโลหะทองเหลืองตั้งอยู่บนฐานปูน ขนาด ๕๔ x ๗๙ ซ.ม. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์นำมาจากวัดเทพสิรินทราวาส ปัจจุบันไม่ได้ใช้ดูเวลาแล้ว เพราะตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่แสงแดดไม่สามารถส่องผ่านได้












                         


รู้สึกภูมิใจที่โรงเรียนตัวเองมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเช่นนี่เหลือเกิน


วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555

สำนักสวน'นัน'

        เมื่อตัวข้าต้องจากบ้านจากเมืองมาเพื่อศึกษาหาความรู้ในเมื่องหลวงอันแสนวุ่นวาย...ข้าได้ร่ำเรียนวิชาที่สำนักสวนสุนันทา





        แม้ว่าที่นี่อาจเป็นสำนักเล็ก ๆ ที่อาจไม่ได้โด่งดังหรือมีชื่อเสียงเมือนสำนักอื่น ๆ ในเมืองหลวงแต่ท่านอาจารย์ที่นี้ล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในยุทธภพทั้งสิ้น

สระมรกตภายในสำนัก 

        ถ้าถามว่าข้าภูมิใจในอะไรที่นี่ ตัวข้านั้นก็ไม่รู้เมือกัน รู้แค่ว่าถ้ามีโอกาสเลือกเรียนใหม่ข้าก็คงเรียนที่นี่เช่นเดิม

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

...ถ้ามันจะลำบากนักละก็...

กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้...ในระหว่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น และมันเป็นของเพื่อนเธอ
"รับให้หน่อยดิ และบอกว่าฉับหลับไปแล้ว"
เธอพยักหน้าและทำตามคำขอของเพื่อนโดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นมันจะนำพาซึ่งหายนะทางความรู้สึกของเธอ
"ค่ะสวัสดีค่ะ...แพรวหลับไปแล้วค่ะ " ปลายสายเป็นเสียงผู้ชายที่คบกับเจ้าของโทรศัพท์มาได้พักหนึ่งแล้ว เขาต้องการคุยกับแฟนของเขา
"แพรวหลับไปแล้วค่ะ..."เธอพูดไป และแอบขำ เธอกำลังรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งคน ปลายสายยังคงบอกว่าต้องการคุยกับแฟนของเขา เธอและเขาพูดกันไปมาอยู่สักพัก โดยที่ผู้ชายพูดอยู่คำเดียวว่าต้องการคุยกับแฟนของเค้า
จนเจ้าของโทรศัพท์บอกว่าให้ว่าง เธอก็วาง...
แฟนเจ้าของโทรศัพท์โทรมาอีกครั้ง  เจ้าของโทรศัพท์บอกว่า
"เธอพูดแบบจริงจังเหมือนครั้งที่แล้วดิ มันจะได้ดูน่าเชื่อถือ"
โอเค...จัดให้
"ขอโทษนะค่ะ...แพรวหลับไปแล้วค่ะ"
"ปลุกแพรวให้หน่อยได้ไหม"
"ไม่ได้ค่ะ...แพรวหลับไปแล้ว"
"ปลุกแพรวให้หน่อยได้ไหม"
"ปลุกไม่ได้จริง ๆ ค่ะแพรวหลับไปแล้ว"
"ปลุกแพรวให้หน่อยได้ไหม"
"..." เธอพยายามอดกลั้นและเก็บความรู้สึกเอาไว้ "ปลุกไม่ได้จริง ๆ ค่ะ"
"ถ้ามันจะลำบากขนาดนั้น..ก็เอาโทรศัพท์ไปว่างไว้ข้างแพรวให้หน่อยก็แล้วกัน"
"......"อึ้ง อึ้ง อึ้ง น้ำเสียงที่เค้าพูดกิริยาที่เขาทำ ล้วนเป็นคำสั่ง เค้าไม่ได้ฟังเธอเลยแม้แต่นิดเดียวว่าเธอกำลังพูดหรือบอกอะไร  สิ่งที่เขาต้องการคือให้เธอไปปลุกแฟนเขา...แล้วเธอล่ะ เขาเป็นใครอย่างนั้นหรอ ถึงมีสิทธิมาออกคำสั่งให้เธอทำโน้นทำนี่
เธอ...ร้องไห้ เสียใจ หลายวันที่ในหัววนเวียนอยู่กับแต่เรื่องนี้ แล้วเธอต้องทำอย่างไร เลิกคบกับเพื่อนคนนี้ที่รู้จักกันมาเกือบสิบปี ดีไหม...เพราะอะไรเธอต้องมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ เธอทำอะไรไว้กับเขาหรอ เขาเอาทุกอย่างจากเธอไปเกือบหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแต่ลมหายใจเท่านั้นแต่ถ้าอยากจะเอาไปเธอก็ยินดี

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โรงเตี๊ยม "SUPIA"

        นอกจากการที่ต้องร่ำเรียนวิชาอยู่ที่สำนักสวนสุนันทาแล้วเวลาว่างข้าต้องต้องสืบข่าวว่าในยุทธภพนี่เขาไปถึงไหนกันแล้วข้าจึงมาเป็นเซียวเอ๋อในโรงเตี๊ยม SUPIA 
        เถ้าแก่ของที่นี้เขาเป็นชาวเกาหลีที่มาอาศัยอยู่ในสยามอยู่ได้มาหลายปีแล้วธุรกิจเจริญรุ่งเรื่อง เถ้าแก่เนี๊ยคนนี่ค่อนข้างมีชื่อเสียงเพราะว่าท่านพอของนางเป็นอดีตท่านแม่ทัพของเกาหลีแถมนางยังแต่งงานกับหัวหน้าสำนักคุ้มภัยของสยาม  โรงเตี๊ยมที่นี่จึงมีคนเข้าออกมากมาย ส่วนข้ามาเป็นเซียวเอ๋อได้ปีหนึ่งแล้ว 


โรงเตี๊ยม SUPIA ตั้งอยู่บริเวณด่านอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ราชวิถีซอย 6 



        ใครที่ต้องไปซื้อขายของแถวนั้นหรือเดินผ่านด่านก็แวะเข้ามาชิมกันได้มีทั้งที่เป็นจานเดียวแล้วก็บุฟเฟ่ แต่ถ้าให้แนะนำก็บุฟเฟ่นี้แหละ ชาวยุทธส่วนมากที่มาล้วนแต่มากินบุฟเฟ่ทั้งนั้น เพราะติดใจในรสชาติ แต่ที่นี่เป็นบุฟเฟ่หมูนะ เนื่อก็มีแต่หาใช่บุฟเฟ่ไม่ ส่วนน้ำชาเขียวเป็นอะไรที่ทั้งชาวยุทธและพ่อค้าชอบกันอย่างมากเลยที่เดียว




ใครที่มาก็จะเจอกับน้องมินลุกสาวคนเล็กของเจ้าของร้านที่คอยต้องรับลูกค้าอยู่เสมอ ๆ 








 ราโปกิ มาม่าผัดกับแป้งต๊อกที่แสนจะอร่อย

ผักยำหนึ่งในเครื่องเคียงที่ลูกล้าทุกคนที่เคยได้ลองทางต้องถามหา








        เพี่ยงท่านล่ะ 299 บาทเท่านั้น ไม่รวมน้ำ ถ้าสั่งอาหารจานเดียวด้วยทางเราจะลดให้ 10 % ไม่มีอะไรคุ้มกว่านี้อีกแล้ว โรงเตี๊ยมเปิดทุกวันตั้งแต่ 11.00 - 22.00 น. และอยากจะบอกว่าครัวปิด 21.30 น.นะค่ะ
ใครสนใจก็มากันได้นะค่ะเดินทางไม่ยาก ขึ้นแทกซี่มาง่ายมากจอดหน้าร้านจบเลย ง่าย ๆ อร่อย ๆ อย่างนี้จะไม่มาได้อย่างไรใช่ไหมค่ะ เชิญเลยนะ

กระเป๋าที่หายไป

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่โชคดีมากๆของเซียนป้าน
...มีอยู่วันหนึ่งเซียนป้อมไม่สามารถเข้าห้องได้เนื่องจากเหตุผลบาง ประการ(คือจำไม่ได้ว่าตัวเองลืมกุญแจไว้ในห้องหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ) จึงต้องอาศัยกุญแจของเซียนป้าน (อ่อจำได้แล้วลืมกุญแจไว้ในห้อง) วันนั้นเซียนป้านเลิกเรียนเสร็จก็ไปเดินเล่นที่ห้างแห่งหนึ่งแถวอนุเสาวรีย์ชัยฯ มันก็โทรมาบอกให้เซียนป้อมรอแถวบรรไดเลือนตรงสะพานลอย
ในระหว่างที่รอเซียนป้านอยู่ๆก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
เสียงโทรศัพท์ของเซียนป้อมดังขึ้น
"ว่าไง"
(เอ็งมาหาข้าที่เซ็นจูรี่ย์หน่อยเดะ)
"ทำไม่อ่ะ"
(กระเป๋าตังค์หายว่ะมาช่วยหาหน่อย)
"อื่อได้..."ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน เซียนป้อมจึงไปหาเซียนป้าน และทั้งคู่ก็ช่วยกันหากระเป๋า(ดินสอ) ซึ่งในนั้นมีบัตรทุกบัตร และสุดท้านทั้งคู่ก็ต้องกลับห้อง เพราะหากระเป๋าไม่เจอ...
เกือบเดือนผ่านไป....ตลอดเกือบเดือนที่ผ่านมาเซียนปานต้องทำธุรกรรม ต่างๆมากมาย ความหวังของกระเป๋าลาย Big Bang สีเหลืองจะกลับมาหาเจ้าของก็หมดไปในที่สุด....แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกินขึ้น กับเซียนป้านมีโทรศัพท์ลึกลับมาหาเธอ (เป็นผู้ชาย) และบอกว่าพบกระเป๋าของเธอ และนำไปฝากไว้ที่ วัตสัน(ไหนสักที่หนึ่ง...หาจำได้ไม่) และในที่สุดก็ได้กระเป๋าคืนมา...(ที่จริงเซียนป้านเขียนชื่อที่ อยู่เอาไวในกระเป๋านะ...แต่สงสัยสายตาไม่ดีก็เลยเอา บัตร ATM หาข้อมูลที่ธนาคารแทน)
ชีวิตของเรามันไม่ได้โชคดีไปหมดเสียทุกครั้ง...ถ้าทุกคนในโลกเป็นเหมือนคนที่เอากระเป๋ามาคืนก็คงดี สังคมของเราคงน่าอยู่มากขึ้นทีเดียว

บันทึก 7 เซียน ออนไลน์(5)

เค้าขอจองสีเขียวก่อนละกันเน้ออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตั๊กขอสีแดง เพราะเกิดวันอาทิตย์ๆๆๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แพรวแม่งแย่งสีเขียวไปอ่ะ  งั้นเค้าเอาสีม่วง 
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้มีคนเลือกสีไปบ้างแล้ว ดูข้างล่างว่ามีใครเลือกสีอะไรไปบ้างแล้ว

เพื่อนเซียน ข้พเจ้ามีแนวคิดว่าเราแต่ละคนควรมีสีประจำตัว


เรามี 7 คน 7 สี ครบอาทิตย์พอดีเลย

อย่างเค้าเกิดวัน จันทร์ เอาสี เหลือง

แล้วถ้าเกิดว่าเกิดวันซ้ำกันก็ตกลงกันเอง ว่าจะเลือกสีไหน วันไหน

เอามั้ย

อิอิ

พอดีนั่งคิดอะไรเพลินๆเลย นึกขึ้นมาได้

อิอิ

คิดออกว่าจะสีไรก็รีบเขียนมานะ

จุ๊บๆๆๆๆ

เป้ สีม่วง
อิ๋ว สี......
ตั๊ก สีแดง
ช่อ สี..........
น้ำ สีเหลือง
แพรว สีเขียว
แคท สี........   


ถึง ป้อมนะ
ที่เป้จะแต่งเรื่องอ่ะ เป้เอาพวกสีประจำตัวเราไปใช่ด้วยนะ อิอิ

จุ๊บๆๆๆ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เป้เอาม่วงไปแระ

แคทดูมั้งไมอ่ะ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------
งั้นเค้าเอาสีน้ำเงิน  ตั๊กกวนตีนว่ะ 
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แสงแรงอ่ะ แคท เป็น ช้างซะป่าว ทำไมไม่รู้ไงว่า มีคนเค้าเอาสี เขียว กับ สีม่วงไปแล้ว

จบ เหอะ 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แม้ว่าปัจจุบัน บันทึกเจ็ดเซียนออนไลน์จะไม่มีอีกแล้ว แต่อย่างน้อยสิ่งที่เราเคยคุยกันมันก็เป็นเรื่องที่สนุกมากเลย ถ้าเหล่าเซียนได้อ่าน อยากรู้จริง ๆ ว่ารู้สึกกันอย่างไร โพธิ์(ปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้างละอยากลบออกไปไหม) การได้ย้อนกลับไปอ่านบันทึกเจ็ดเซียน แล้วมองดูสิ่งที่มันกำลังเกิดขึ้นอญุ่ในปัจจุบัน มันเปลี่ยนไปมากจริง ทั้งคนและสิ่งต่าง เวลาที่เราไม่สามารถย้อยกลับไปได้แม้ว่ามันจะเป็นช่วงที่มีค่าและมีความสุขมากที่สุดก็ตาม

พี่ใหญ่เซียนป้อม