วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555

อุทยานการศึกษา " สุขบท" วัดเขาบางทรายอุทยานการศึกษา " สุขบท"

        โรงเรียนชลบุรี "สุขบท" ในปัจจุบัน ตั้งอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นแหล่งวิทยาการซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถานโบราณวัตถุศิลปะวัตถุ ล้วนมีค่าควรแก่ศึกษาด้านประวัติศาสตร์  และโบราณคดีเป็นอย่างยิ่ง ทางโรงเรียนจึงได้จัดทำโครงการอุทยานการศึกษาขึ้นเพื่อเป็นการให้ความรู้แก่นักเรียนนอกห้องเรียน โดยนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตลอดเวลา นอกจากนี้เป็นการเผยแผ่ความรู้สู่ชุมชน และผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี ทำให้อาจารย์ นักเรียนตระหนักในคุณค่า ของโบราณสถาน โบราณวัตถุที่อยู่ใกล้ตัว





       แน่นอนว่าถ้าพูดถึงโรงเรียนชลบุรี"สุขบท" เด็กทุกคนจะต้องพูดถึงบรรไดแก้ว เริ่มตั้งแต่ทางขึ้นเขาพระบาท หรือเขาสุพรรณิการ์ด้านทิศเหนือ มี ประมาณ 300 ขั้น สุดทางบันไดแก้วที่มณฑป ปัจจุบันมีทั้ง 3 ชั้น เด็กที่เขาเรียนที่นี่ทุกคนต้องได้ขึ้นบันไดแก้ว มีตำนานว่ากันว่าถ้าหากใครไม่ได้ขึ้นบันได้แก้วจะเรียนไม่จบ แต่ก็ไม่รู้ว่าตำนานนี้เป็นจริงไหมเพราะเด็กส่วนมากที่เดินขึ้นก็จะเป็นพวกที่โดดเรียนแอบขึ้นมาถ้าใครได้ลองเดินจะรู้ว่ามันเหนื่อยมาก ยิ่งเรียนที่นี่นานเท่าไรความเหนื่อยเวลาเดินบันได้แก้วก็จะมากขึ้นด้วย


เรือนพักอุบาสิกา และมีศาลาโรงทาน ที่จริงบริเวณนี่จะเป็นที่อยู่ของพวกแม่ชี ส่วนพระจะอยู่ฝังวัดด้านล่าง



         เมื่อเดินขึ้นมาเรื่อยก็จะเจอจุดพัก จริง ๆ พอเดินมาถึงตรงนี้ก็ริ่มเหนื่อยกันแล้ว ที่นี่เรียกว่าศาลาเก้าห้อง  เชื่อกันว่าคนมีบุญเท่านั้นที่จะนับได้เก้าห้อง ทุกครั้งที่ขึ้นมาก็จะทำเป็นว่านับได้เก้าห้องกันทุกคน จริง ๆ ที่นี่เหมาะสำหรับมาแอบนอนอย่างยิ่ง ลมเย็นมองลงไปฝั่งตรงข้ามจะเห็นค่ายทหารและถนนที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ





หอระฆัง


        เป็นสถาปัตยกรรมศิลปะแบบจีน ลักษณะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ก่ออิฐถือปูน ทำเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างทำเป็นระเบียงล้อมรอบบันไดทางขึ้น ไปยังชั้นที่ 2 ซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวหอที่แขวนระฆัง ที่ระเบียงชั้นล่าง และบนของหอระฆังกรุด้วยกระเบื้องปรุลวดลายแบบจีนทั้งหมด ตามคตินิยมของสถาปัตยกรรมไทยแบบพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ 3 เดิมใช้สำหรับตีให้สัญญาณเรียกประชุมทำวัตรสวดมนต์ ปัจจุบันใช้ตี ในเทศกาลงานบุญ บนเขาสุพรรณิการ์ เพื่อบอกความดีให้สวรรค์รับรู้




พระโภคีไสยา 

        พระพุทธรูปนอนที่สร้างขึ้นแปลกกว่าพระนอนทั่วไป คือนอนตะแคงซ้ายแบบผู้ครองเรือนแบบโภคีไสยา สันนิษฐานว่า การสร้างแบบนี้เป็นการแสดงภูมิปัญญาท้องถิ่น ต้องการอธิบายอะไรสักอย่างหนึ่งซึ่งยังค้นไม่พบ และในสุดท้ายเราก็มาถึงสักที




จุดชมวิว

        เวลาที่มายื่นจุดนี่จะรู้สึกถึงความสำเร็จและความถุมิใจที่เกิดมาเป็นเด็กสุขบท ที่เป็นภาพจังหวัดชลบุรี ทางขวาที่มองไม่เห็นจะเป็นทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา มันเป็นอะไรที่สวยงานมากจริง ๆ 



รอยพระพุทธบาท

        ประดิษฐานภายใต้มณฑปมี 2 องค์ องค์แรกเป็นรอยพระพุทธบาทแบบลังกานิยม เป็นรอย ทรงเหยียบ ขนาดกว้าง 45 ซ.ม. ยาว 90 ซ.ม. อีกองค์หนึ่งค้นพบใต้ฐานมณฑปในคราวซ่อมแซม มณฑปเมื่อปี พ.ศ. 2502 มีขนาดกว้าง 60 ซ.ม. ยาว 120 ซ.ม. เป็นหินเปลือกหอยหรือหินตุ๊กต่ำ 

ลักษณะเป็นแบบอมราวดีนิยม





เจดีย์ตัน
        เป็นเจดีย์ที่สร้างคู่กับเจดีย์โพรง อยู่ถัดไปจากมณฑป สร้างในสมัยอยุธยาอิฐที่ก่อมีขนาดใหญ่มากแผ่นหนึ่งยาว 13 นิ้ว กว้าง 7 นิ้ว หนา 2 นิ้วองค์เดิมชำรุดมากได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ ในปี พ.ศ. 2526 ทำไม่เห็นอิฐของเดิมเจดีย์โพรง เจดีย์คู่กับ เจดีย์ตัน มีโพรงสามารถเดินเข้าไปในองค์เจดีย์ได้ ภายในโพรง มีรอยพระพุทธบาทอยู่ องค์เจดีย์ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ เช่นเดียวกับเจดีย์ตันมองขึ้นไปบอกได้คำเดียวกว่าไกลมาก แต่วิวจะสวยมาก ทางเดินจะเล็กและค่อนข้างที่จะมีหญ้าปรกคลุม แต่สมัยเรียนขึ้นไปบ่อยมากเพราะอยู่ชมรมสิ่งแวดล้อม และอยู่จุดการศึกษาที่ 5 ปรง ทุกครั้งที่มีการศึกษาต้องขึ้นไป เหนื่อยมาก หญ้าสูงสองเมตรได้ แต่ข้างบนลมเย็นสุดยอด

        จริง ๆ แล้ว มันมีทางขึ้นทั้งหมด สาม ทาง อีกสองทางนั้นจะเป็นการเดินขึ้นมาทางภูเขา ไม่มีบันไดค่อนข้างลำบากและอันตราย แต่เด็ก ๆ ก็ชอบทางนั้นเพราะมันสนุกและลุ้นระทึกดี
ขึ้นบนจนเหนื่อยลงมาเดินข้างล่างบ้างดีกว่า



สระน้ำศักดิ์สิทธิ์

ตั้งอยู่ในบริเวณวัด ข้างศาลาดินใกล้ ๆ โบสถ์ เดิมผนังขอบสระเป็นคอนกรีตขนาดประมาณ 20 X 30 เมตร เป็นแหล่งรวมน้ำในสมัย โบราณไหลมาจากใต้ดินเขาพระบาท ผ่านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มารวมอยู่ในสระ น้ำในสระนี้เคยใช้ในพิธีถือน้ำ พระพิพัฒน์สัตยาในสมัยรัชกาลที่ 5 และในคราวประกอบ พระราชพิธีอภิเษกมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระชนมายุครบ 60 พรรษา







พระอุโบสถวัดเขาบางทราย
มีจิตรกรรมฝาผนังลายเทพพนมและลายดอกไม้จีน เป็นศิลปะที่งดงาม มีระเบียงรายรอบ เคยใช้ เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการ ในจังหวัดชลบุรีสมัยรัชกาลที่ 5 ใบเสมาหน้าพระอุโบสถ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์นำมาจากวัดในจังหวัดสุโขทัย


อาคารที่พำนักของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
ผู้เป็นองค์ผู้สถาปนาโรงเรียนชลบุรี " สุขบท"และพัฒนาวัดเขาบางทราย ซึ่งศิษยานุศิษย์ ร่วมกันสร้างถวาย เมื่อปีพ.ศ. ๒๔๗๖ เพื่อเป็นที่พำนักชั่วคราวขณะจำพรรษาที่วัดเขาบางทราย ลักษณะเป็นอาคาร ๒ ชั้น ด้านหลังอาคารมีกระดิ่งแขวนอยู่ ขณะที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่นี่จะอยู่ลำพังเพียงรูปเดียว

พระพุทธโสภณ


         พระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทอง ประทับนั่งปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๗๗ นิ้ว ได้รับการยกย่องว่า เป็นพระพุทธรูปที่มีคุณค่าทางพุทธศิลป์งามที่สุด ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีรัตนชาติล้ำค่าประดับอยู่คู่องค์พระปฏิมา พระพักตร์ของพระพุทธรูปมีรอยยิ้ม นับเป็นฝีมือช่างศิลป์ชั้นสูง



นาฬิกาแดด 
นาฬิกาโบราณ ทำด้วยโลหะทองเหลืองตั้งอยู่บนฐานปูน ขนาด ๕๔ x ๗๙ ซ.ม. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์นำมาจากวัดเทพสิรินทราวาส ปัจจุบันไม่ได้ใช้ดูเวลาแล้ว เพราะตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่แสงแดดไม่สามารถส่องผ่านได้












                         


รู้สึกภูมิใจที่โรงเรียนตัวเองมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเช่นนี่เหลือเกิน


2 ความคิดเห็น:

  1. งั้นเราคงเป็นรุ่นน้อง ขอบคุณสำหรับข้อมูลให้รุนน้องนะคะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ27 สิงหาคม 2560 เวลา 08:54

    ช่วยบอกทางไปเจดีย์โพรง/เจดีย์ตันให้ด้วยได้มั้ยครับ ทางขึ้นอยู่ตรงจุดไหนครับ มีทางไปอย่างไรครับ

    ตอบลบ